ข้อเข่าเสื่อม.. รักษาได้ ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด

Facebook
Twitter

บทความเพิ่มเติม

    โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่พบได้มากในปัจจุบัน โดยมีผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปีเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่สุด แต่ก็พบได้ว่าโรคนี้เกิดขึ้นได้ทุกวัย และมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกประเทศทั่วโลก เป็นเรื่องที่สำคัญมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกเข่า ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอยู่ใกล้ชิดกัน และกระทบเสียดสีกัน ส่งผลให้เกิดอาการ ปวดเข่า เจ็บเข่า หรือ เข่ามีเสียงก๊อบแก๊บ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในทุกๆด้าน การเสื่อมสภาพของกระดูกในข้อเข่า เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การดูแลรักษาเบื้องต้น สามารถช่วยลดความเสี่ยง และ ช่วยให้มีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีประวัติความเสี่ยง หรืออายุมากกว่า 60 ปี

    ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วโรค ข้อเข่าเสื่อม (Knee osteoarthritis) อาการของโรคนี้ ทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดในข้อเข่า ทำให้เคลื่อนไหวได้ลำบาก มีผลกระทบต่อการทำกิจกรรมประจำวัน รวมถึง มีผลต่ออาชีพ และ คุณภาพชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการเคลื่อนไหวมาก เช่น นักกีฬา แรงงาน และผู้ที่ต้องทำงาน ในอาชีพที่ต้องใช้เข่าเป็นส่วนสำคัญ เช่น นักเตะ ผู้ที่ต้องยืนทำงานเป็นเวลานาน เป็นต้น

อาการเจ็บของ โรคข้อเข่าเสื่อมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะของโรค ข้อเข่าเสื่อม อาการ ที่พบบ่อยที่สุดคือ อาการปวดข้อเข่า ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้

  1. อาการปวดในข้อเข่า : เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด โดยอาจมีความเจ็บแน่น ปวดแสบ หรือบวมได้ เมื่อผู้ป่วยทำกิจกรรม เช่น เดิน วิ่ง หรือขยับข้อเข่า
  2. รู้สึกว่าข้อเข่าแข็งแรงหรือขาดความยืดหยุ่น : การขยับข้อเข่าจะทำให้รู้สึกว่าข้อเข่าแข็งแรงหรือขาดความยืดหยุ่น เป็นเรื่องที่สำคัญในการวินิจฉัยโรคข้อเข่าเสื่อม
  3. ความเจ็บจากการนั่งหรือยืนนาน : การนั่งหรือยืนนานๆ อาจทำให้ข้อเข่ามีการบิดเบือน ทำให้เกิดอาการปวด
  4. เจ็บตอนกลางคืน : ในบางครั้ง ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดข้อเข่าเพิ่มขึ้นตอนกลางคืน ทำให้หลับไม่หลับ หรือตื่นแล้วไม่สามารถกลับเข้าสู่การหลับได้
  5. เสียงดังขณะเคลื่อนไหว : บางครั้งผู้ป่วยอาจได้ยินเสียงดังจากข้อเข่า เช่น เสียงแตก หรือ เกิดเสียงก๊อบแก๊บ เมื่อเคลื่อนไหว
  6. ข้อบวมและแดง : บางครั้งอาจมีอาการบวมและแดงของข้อเข่า เมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือประสบอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับข้อเข่า

     โรค ข้อเข่าเสื่อม ถือเป็นโรคที่มีความซับซ้อน และ เกี่ยวข้องกับ ระยะเวลาที่ผ่านไปของโรค โดยสามารถแบ่งระยะโรคเป็นสี่ระยะ ได้แก่

  • ระยะเริ่มต้น: ในระยะนี้ ผู้ป่วยอาจมีความไม่สบายหรืออาการปวดข้อเข่าเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อกิจกรรมประจำวัน หรือ การทำงานของผู้ป่วย
  • ระยะกลาง: ในระยะนี้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อเข่ามากขึ้น ซึ่งอาจกระทบ ต่อการทำงาน และ กิจกรรมประจำวัน ในบางกรณี อาจต้องใช้ความช่วยเหลือในการเดิน หรือ ทำกิจกรรมบางอย่างที่จำเป็นต้องเคลื่อนไหว
  • ระยะรุนแรง : ในระยะนี้ ผู้ป่วยมีอาการปวดข้อเข่ารุนแรง และ ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น การรักษาด้วยเซลล์บำบัด และ การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการปวด อาจมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและการทำงานของผู้ป่วย
  • ระยะสุดท้าย: ในระยะนี้ อาการปวดข้อเข่าเป็นประจำ และ เรื้อรัง ผู้ป่วยจะไม่สามารถงอ – เหยียดข้อเข่าได้ และ อาจต้องใช้เครื่องมือช่วยเข้า – ออกจากเตียง เพื่อช่วยในการทำกิจกรรมประจำวัน

การรักษา โรคข้อเข่าเสื่อม จะขึ้นอยู่กับระยะของ โรคข้อเข่าเสื่อมที่เกิดขึ้น หากปล่อยไว้นานก็จะทำให้มีอาการที่แย่ลงตามระยะ และ จะรักษาได้ยากขึ้นตาม

    โรคข้อเข่า เสื่อม เป็นโรคที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาว เนื่องจาก การสึก หรือ การเคลื่อนไหวที่ไม่เหมาะสม โดยมักจะเริ่มต้นด้วยอาการปวดเล็กน้อยในข้อเข่า เมื่อเริ่มเคลื่อนไหว หรือ มีการใช้งาน โดยมักจะไม่มีอาการปวดเมื่อพักผ่อน แต่เมื่อโรคค่อย ๆ เป็นมากขึ้นอาจมีอาการปวดตามมา รวมทั้งเป็นลักษณะของการเจ็บปวดที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจะเป็นไปได้ ในพื้นที่รอบข้อเข่า หรือ บริเวณเข่าหลังของขา อีกทั้งยังมีอาการ เข่าอักเสบ และ การกดของข้อเข่าเมื่อประกอบกับการใช้งานเป็นเวลานาน ๆ หรือ การกดของเข่าในขณะนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะเมื่อตื่นจากการนอนแผ่ตัวแนวยาว เป็นระยะเวลานาน ๆ

    เราจะแยกจำพวก คนที่มีโอกาสเป็น โรคข้อเข่าเสื่อม ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเป็น โรคข้อเข่าเสื่อม ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ดังนี้

  1. ผู้สูงอายุ: คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงสูงกว่าในการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากฟังก์ชั่นของข้อเข่า จะลดลงเมื่อถึงวัยทองหลัง
  2. ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน: คนที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 25 หรือมีน้ำหนักเกินมาก จะทำให้ข้อเข่าต้องรับน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของข้อเข่าได้ง่ายขึ้น
  3. ผู้ที่มีประวัติการบาดเจ็บข้อเข่า หรือ เข่าเสื่อมในครอบครัว: หากมีบุคคลในครอบครัว ที่เคยเจ็บปวดหรือเป็น โรคข้อเข่าเสื่อม มาก่อน อาจทำให้เกิดความเสี่ยงสูงขึ้นกับผู้อื่นในครอบครัวเหล่านั้น
  4. ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องใช้เข่ามาก เช่น นักกีฬาที่เล่นกีฬาเรียบง่าย หรือ ที่ต้องวิ่งหรือกระโดด: การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และ ก้าวขึ้นลงอาจมีผลต่อการใช้งานของข้อเข่า และ ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพได้ง่ายขึ้น
  5. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือ เจ็บปวดเข่าบ่อย: หากมีอาการเจ็บเข่า หรือ ป่วยด้วยภูมิคุ้มกันอ่อนแออยู่แล้ว อาจส่งผลให้ ข้อเข่าเสื่อมตามมาได้เร็วมากกว่าปกติ

วิธีแก้อาการปวดเข่า แนวทางที่ทำได้ตั้งแต่ตอนนี้

วิธีแก้อาการปวดเข่า นอกจากการไปพบแพทย์ และ ทำกายภาพบำบัดแล้ว คนที่เป็น โรคเข่าเสื่อม สามารถดูแลตัวเอง และ ช่วยเร่งการฟื้นฟูด้วยวิธีต่อไปนี้

  1. ควบคุมน้ำหนัก : การออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการควบคุมน้ำหนัก ควรออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และ ลดน้ำหนักตัว ในการออกกำลังกายควรเลือกท่าทาง ที่ไม่กระทบต่อข้อเข่า เช่น วิ่งเล่นในน้ำ โยคะ หรือ เล่นฟิตเนสเบาๆ
  2. ทานอาหารที่เหมาะสม : ควรลดปริมาณอาหาร ที่มีไขมันสูง และ อาหารที่มีน้ำตาลสูง และเพิ่มปริมาณผักและผลไม้ อาหารที่เหมาะสมสำหรับคนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม คือ อาหารที่มีโปรตีนสูง  และ สารอาหารเสริมเหล็ก ในอาหารที่มีโปรตีนสูง จะพบได้ในเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ เนื้อวัว เป็นต้น ส่วนสารอาหารเสริมเหล็กสามารถหาได้จากผักใบเขียว เต้าหู้ และ ปลา
  3. ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต: หากทำงานต้องนั่งเยอะ ควรยืนหรือเดินหลังจากนั้น หรือถ้าเป็นงานที่ต้องยืนเยอะ ควรนั่งหลังจากนั้น การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม กับตัวเรา จะทำให้อาการของ โรคข้อเข่าเสื่อม ทุเลาลงจนการกลับมาเดินเป็นปกติได้ เป็นเรื่องที่ไม่ได้ไกลตัวอย่างที่คิดได้เลย

โรคข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อม สรุป

“การรักษา ข้อเข่าเสื่อม ที่ดีที่สุด ในประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องไปถึงกับผ่าตัด ไม่ต้องรอคิวนาน Kloss Clinic รักษาด้วยการใช้เซลล์บำบัด ประกอบกันด้วยกับการทำกายภาพบำบัด และ Active Cell Therapy ที่จะช่วยให้เซลล์ในร่างกายตื่นตัว และ เริ่มซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย อีกทั้งยังช่วยดูแล การทานอาหารหลังจากรักษาเสร็จ เพื่อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิต โดยไร้อาการเจ็บข้อเข่า เพราะเรามั่นใจว่า Kloss Clinic จะมอบช่วงเวลาที่มีความสุขให้กับคุณ เพียงแค่คุณเริ่มดูแลตัวเอง”

ครอสคลินิกเวชกรรม Kloss Clinic Thailand เว็บไซต์ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่เน้นดูแลสุขภาพองค์รวมทั้ง ภายนอกและภายใน ของทุกท่าน โดยเน้นการรักษาแบบไม่ใช้ยาเคมี และไม่มีการผ่าตัด สามารถติดต่อสอบ-ถามเพิ่มเติมได้ที่ FB : ครอสคลีนิกเวชกรรม-ศูนย์รักษาข้อเข่าโดยเซลล์บำบัด หรือ Line@ : @409ewnth ได้ตลอด 24 ชม.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Kloss Wellness Clinic มี 3 สาขา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

BOOKING

 กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
กรุณาเลือก Promotions ที่คุณสนใจ
*** สงวนสิทธิ์ 1 คน / 1 สิทธิ์