โรคมะเร็งเป็นโรคที่มีการพัฒนาไปอย่างเป็นลำดับขั้น โดยแพทย์จะใช้ระบบการกำหนดระยะของมะเร็งเพื่อช่วยวางแผนการรักษาและประเมินโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วย การทราบระยะของมะเร็งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแนวทางการรักษาและการพยากรณ์โรค
ระยะของมะเร็งถูกกำหนดขึ้นโดยพิจารณาจาก ขนาดของก้อนมะเร็ง การแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ระบบที่ใช้กันมากที่สุดคือระบบ TNM Staging ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ระยะหลัก ได้แก่ ระยะศูนย์ (Stage 0), ระยะที่ 1 (Stage I), ระยะที่ 2 (Stage II), ระยะที่ 3 (Stage III) และระยะที่ 4 (Stage IV)
ระยะศูนย์ (Stage 0) - Carcinoma in Situ (CIS)
มะเร็งระยะศูนย์ เป็นระยะที่เซลล์ผิดปกติเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง แต่ยังไม่ลุกลามออกจากบริเวณที่เกิดโรค เซลล์เหล่านี้อยู่เฉพาะในชั้นของเนื้อเยื่อที่เกิดการเปลี่ยนแปลงและยังไม่แพร่กระจายไปที่อื่น
จุดเด่นของระยะศูนย์:
- เซลล์มะเร็งยังไม่ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง
- สามารถตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรอง เช่น แปปสเมียร์ (Pap Smear) สำหรับมะเร็งปากมดลูก หรือแมมโมแกรม (Mammogram) สำหรับมะเร็งเต้านม
- มีโอกาสรักษาหายขาดสูงหากได้รับการรักษาเร็ว
แนวทางการรักษา:
- การผ่าตัดเอาเซลล์ผิดปกติออก
- การใช้เลเซอร์หรือวิธีการทำลายเซลล์เฉพาะจุด
- การติดตามและเฝ้าระวังเพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งพัฒนาไปสู่ระยะที่รุนแรงขึ้น
ระยะที่ 1 (Stage I) - มะเร็งระยะเริ่มต้น
ในระยะที่ 1 มะเร็งยังคงอยู่ในอวัยวะที่เกิดโรคและยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น ๆ
จุดเด่นของระยะที่ 1:
- ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็ก (ไม่เกิน 2 เซนติเมตรในบางกรณี)
- ยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น ๆ
- โอกาสในการรักษาหายขาดสูง
แนวทางการรักษา:
- การผ่าตัดเพื่อเอาก้อนมะเร็งออก
- การใช้การฉายรังสีเสริมในบางกรณี
- อาจมีการใช้ยาเคมีบำบัดหรือฮอร์โมนบำบัดในมะเร็งบางชนิด
ระยะที่ 2 (Stage II) - มะเร็งที่เริ่มขยายตัว
มะเร็งระยะที่ 2 หมายถึงก้อนมะเร็งที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และอาจเริ่มแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียง
จุดเด่นของระยะที่ 2:
- ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่กว่า 2 เซนติเมตร
- อาจมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียง แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น
- ความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำสูงขึ้นกว่าระยะที่ 1
แนวทางการรักษา:
- การผ่าตัดเป็นทางเลือกหลัก
- อาจต้องใช้ เคมีบำบัดและการฉายรังสี ควบคู่ไปด้วย
บางกรณีอาจใช้ การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)
ระยะที่ 3 (Stage III) - มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง
มะเร็งในระยะที่ 3 มีการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น
จุดเด่นของระยะที่ 3:
- ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น และอาจติดกับเนื้อเยื่อข้างเคียง
- แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดโรค
- มีความเสี่ยงสูงในการลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ
แนวทางการรักษา:
- การรักษาแบบผสมผสาน เช่น เคมีบำบัด + การฉายรังสี + การผ่าตัด
- ในบางกรณี อาจใช้ ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) หรือ ยารักษาแบบมุ่งเป้า
ผู้ป่วยอาจได้รับ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Transplant) ในมะเร็งบางชนิด
ระยะที่ 4 (Stage IV) - มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น (Metastatic Cancer)
ระยะที่ 4 เป็นระยะที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นที่อยู่ห่างไกลจากบริเวณที่เกิดโรค เช่น มะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปปอด หรือมะเร็งปอดที่แพร่กระจายไปสมอง
จุดเด่นของระยะที่ 4:
- เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ตับ ปอด สมอง หรือกระดูก
- ผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรง เช่น ปวดรุนแรง หายใจลำบาก หรืออวัยวะทำงานผิดปกติ
- โอกาสในการรักษาหายขาดต่ำ
แนวทางการรักษา:
- มุ่งเน้นไปที่ การควบคุมโรคและบรรเทาอาการ
- ใช้ เคมีบำบัด ภูมิคุ้มกันบำบัด หรือฮอร์โมนบำบัด
- การรักษาแบบประคับประคอง (Palliative Care) เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต
10. มีเลือดออกผิดปกติ
เลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดออกระหว่างรอบเดือน เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือไอเป็นเลือด อาจเป็นอาการของ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งหลอดอาหาร หรือมะเร็งปอด หากพบว่ามีเลือดออกผิดปกติที่ไม่สามารถอธิบายได้ ควรรีบพบแพทย์
ระยะของโรคมะเร็งมีความสำคัญต่อการกำหนดแนวทางการรักษาและโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย การตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (Stage 0 และ Stage I) มีโอกาสรักษาหายขาดสูง ขณะที่มะเร็งในระยะลุกลาม (Stage III และ IV) ต้องใช้แนวทางการรักษาที่เข้มข้นขึ้น
Kloss Wellness Clinic พร้อมให้คำปรึกษาและตรวจคัดกรองมะเร็ง เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพและป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย : Kloss Wellness Clinic