ไตวายเรื้อรัง VS ไตวายเฉียบพลัน แตกต่างกันอย่างไร⁉
เข้าใจความแตกต่าง เริ่มต้นการรักษาได้ทันท่วงที
 
👨‍⚕ : ไตเปรียบเสมือนเครื่องกรองของร่างกาย ทำหน้าที่กำจัดของเสีย เกลือแร่ และน้ำส่วนเกินออกจากเลือด เมื่อไตทำงานผิดปกติ จะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
 
👨‍⚕ “ภาวะไตวาย”
ภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือด ทำให้ระดับน้ำ เกลือแร่ และแร่ธาตุต่าง ๆ ในร่างกายขาดความสมดุล ส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ และอันตรายถึงแก่ชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
 

ไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) และไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury: AKI) เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของไตที่ผิดปกติ แต่มีกลไกการเกิด อาการ และการรักษาที่แตกต่างกัน

ไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD)

ไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) เป็นภาวะที่การทำงานของไตลดลงอย่างช้าๆ และต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียและสารพิษออกจากเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาวะนี้สามารถนำไปสู่การเกิดไตวายระยะสุดท้าย (End-Stage Renal Disease: ESRD) ซึ่งจำเป็นต้องใช้การฟอกไตหรือการปลูกถ่ายไต

448017293_434366736052302_5892914384469655815_n

สาเหตุของไตวายเรื้อรัง

  1. เบาหวาน (Diabetes): เป็นสาเหตุหลักของ CKD โดยน้ำตาลในเลือดสูงทำลายหน่วยกรองในไต
  2. ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ความดันโลหิตสูงทำลายหลอดเลือดเล็กในไต ทำให้การกรองเลือดไม่ดี
  3. โรคไตอักเสบ (Glomerulonephritis): การอักเสบของหน่วยกรองในไต
  4. โรคไตจากพันธุกรรม (Polycystic Kidney Disease): ซีสต์ในไตที่ทำให้การทำงานของไตลดลง
  5. โรคทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง: เช่น การอุดตันหรือการติดเชื้อเรื้อรัง

อาการของไตวายเรื้อรัง

  • เหนื่อยง่าย
  • ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในตอนกลางคืน
  • บวมที่ข้อเท้าหรือรอบดวงตา
  • ความดันโลหิตสูง
  • คลื่นไส้ เบื่ออาหาร คันทั่วร่างกาย

การวินิจฉัย

  • การตรวจเลือด: วัดค่าครีอะตินิน (Creatinine) และการคำนวณ GFR เพื่อประเมินการทำงานของไต
  • การตรวจปัสสาวะ: หาค่าโปรตีนหรือสารอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงความเสียหายของไต
  • การตรวจภาพ: เช่น อัลตราซาวนด์หรือ CT Scan เพื่อตรวจดูโครงสร้างของไต

ระยะของไตวายเรื้อรัง

449391220_443398761815766_82906875999825318_n

 

  1. ระยะที่ 1: GFR ≥ 90 mL/min/1.73 m²
    • ไตทำงานปกติ แต่มีความเสียหายของไต
  2. ระยะที่ 2: GFR 60-89 mL/min/1.73 m²
    • การทำงานของไตลดลงเล็กน้อย และมีความเสียหายของไต
  3. ระยะที่ 3: GFR 30-59 mL/min/1.73 m²
    • การทำงานของไตลดลงปานกลาง
  4. ระยะที่ 4: GFR 15-29 mL/min/1.73 m²
    • การทำงานของไตลดลงอย่างมาก
  5. ระยะที่ 5: GFR < 15 mL/min/1.73 m²
    • ไตวายหรือการทำงานของไตล้มเหลว ซึ่งอาจต้องการการฟอกไตหรือการปลูกถ่ายไต

ไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury: AKI)

ไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury: AKI) เป็นภาวะที่การทำงานของไตลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ๆ (วันถึงสัปดาห์) ทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียออกจากเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาวะนี้สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันเวลา
448067523_434366742718968_1776336020812599120_n

สาเหตุของไตวายเฉียบพลัน

  1. การลดลงของการไหลเวียนเลือดไปยังไต:

    • การเสียเลือดมาก
    • การขาดน้ำรุนแรง
    • ภาวะช็อก (Shock)
    • ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure)
  2. การทำลายไตโดยตรง:

    • ยาและสารเคมีที่เป็นพิษต่อไต (เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด, NSAIDs)
    • การติดเชื้อรุนแรง (Sepsis)
    • ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดไต (Renal Vein Thrombosis)
    • โรคไตอักเสบเฉียบพลัน (Acute Glomerulonephritis)
  3. การอุดตันในทางเดินปัสสาวะ:

    • นิ่วในไตหรือทางเดินปัสสาวะ
    • เนื้องอกหรือซีสต์ในทางเดินปัสสาวะ
    • การตีบตันของท่อไต (Ureteral Stricture)

อาการของไตวายเฉียบพลัน

  • ปัสสาวะน้อยหรือไม่มีปัสสาวะ
  • บวมที่ขา ข้อเท้า หรือรอบดวงตา
  • หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • สับสนหรือหมดสติ
  • ความดันโลหิตสูงหรือความดันโลหิตต่ำ

การวินิจฉัย

  • การตรวจเลือด: วัดค่าครีอะตินิน (Creatinine) และการคำนวณ GFR เพื่อประเมินการทำงานของไต
  • การตรวจปัสสาวะ: หาค่าโปรตีน เลือด หรือสารอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงความเสียหายของไต
  • การตรวจภาพ: เช่น อัลตราซาวนด์ CT Scan หรือ MRI เพื่อดูโครงสร้างของไตและหาสาเหตุของการอุดตัน
  • การตรวจชิ้นเนื้อไต (Biopsy): ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องตรวจชิ้นเนื้อไตเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด

สรุปความแตกต่าง

  • ไตวายเรื้อรัง: การทำงานของไตลดลงอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้
  • ไตวายเฉียบพลัน: การทำงานของไตลดลงอย่างรวดเร็วและสามารถกลับมาเป็นปกติได้หากได้รับการรักษาทันท่วงที

การรู้จักและเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองภาวะนี้จะช่วยให้สามารถดูแลและรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

แต่หากสนใจอยากดูแล ปรึกษาเรื่องไต  สามารถปรึกษาได้ที่ 𝐊𝐥𝐨𝐬𝐬 𝐖𝐞𝐥𝐥𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐂𝐥𝐢𝐧𝐢𝐜 

✓ ดูแลการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
✓ แพทย์วิเคราะห์ปัญหา ใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
✓ ปลอดภัย เครื่องมือมาตรฐานระดับสากล
✓ ให้บริการอย่าง “มีคุณภาพ ซื่อสัตย์และรับผิดชอบ”
 
————————————————-
++จองคิวปรึกษาปัญหาสุขภาพ
ได้ที่ 𝐊𝐥𝐨𝐬𝐬 𝐖𝐞𝐥𝐥𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐂𝐥𝐢𝐧𝐢𝐜 ทั้ง 3 สาขา
สาขาเสรีไทย : 099-265-2495
สาขาเมืองทองธานี : 099-246-3691
สาขาบางนา : 095-636-2326
LINE ID : @klosswellness

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Kloss Wellness Clinic มี 3 สาขา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

BOOKING

 กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
กรุณาเลือก Promotions ที่คุณสนใจ
*** สงวนสิทธิ์ 1 คน / 1 สิทธิ์