เคยไหม นั่งทำงานนาน ๆ ลุกขึ้นมายืนแล้วรู้สึกปวดสะโพก ร้าวลงขา ชา หรือรู้สึกอ่อนแรง บอกเลยว่าอาจเป็นสัญญาณของ “กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท” โรคยอดฮิตของคนยุคใหม่
: กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท หรือ Piriformis Syndrome หรือ กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท เป็นภาวะที่เกิดจากกล้ามเนื้อ piriformis ที่อยู่ในสะโพกหนีบหรือกดทับเส้นประสาท sciatic ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดที่บริเวณสะโพกและขาลงไป อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บ การนั่งหรือยืนในท่าเดียวกันเป็นเวลานาน หรือการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม
สาเหตุที่เป็นปัจจัยเสี่ยง
สาเหตุหลัก
- การใช้กล้ามเนื้อมากเกินไป: การทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อสะโพกมากเกินไป เช่น การวิ่ง การปีนเขา หรือการยกของหนัก ทำให้กล้ามเนื้อ piriformis อักเสบหรือเกร็งตัว
- การบาดเจ็บ: การบาดเจ็บที่สะโพกหรือก้น เช่น การล้ม การชน หรือการได้รับแรงกระแทกที่บริเวณดังกล่าว ทำให้กล้ามเนื้อ piriformis บาดเจ็บ
- การนั่งในท่าเดียวเป็นเวลานาน: การนั่งในท่าเดียวเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงานหรือนั่งขับรถนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อ piriformis เกร็งตัวและกดทับเส้นประสาท
ปัจจัยเสี่ยง
- การออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้อง: การออกกำลังกายที่มีการใช้กล้ามเนื้อสะโพกอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการยืดกล้ามเนื้อหรือการทำกายภาพบำบัด
- ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง: ท่าทางการเดิน การยืน หรือการนั่งที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อ piriformis เกิดการเกร็งตัว
- ความผิดปกติของกระดูกสันหลัง: การมีความผิดปกติที่กระดูกสันหลัง เช่น การมีหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือการมีปัญหาที่ข้อกระดูกสันหลัง ทำให้เส้นประสาท sciatic ถูกกดทับ
ปัจจัยอื่นๆ
- การตั้งครรภ์: การตั้งครรภ์ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและทำให้ท่าทางการเดินและการนั่งเปลี่ยนแปลง ทำให้กล้ามเนื้อ piriformis เกิดการเกร็งตัว
- ความเครียดและความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ: ความเครียดและความตึงเครียดทำให้กล้ามเนื้อมีการเกร็งตัวและกดทับเส้นประสาท
อาการของ Piriformis Syndrome
แตกต่างกันไปตามความรุนแรงของการกดทับเส้นประสาท sciatic อาการหลักๆ
อาการหลัก
- ปวดสะโพก: อาการปวดที่บริเวณสะโพกข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ซึ่งสามารถร้าวลงไปที่ขาและเท้าได้
- ชาหรือรู้สึกเสียวซ่า: ความรู้สึกชาหรือเสียวซ่าที่บริเวณสะโพก ต้นขา และขา
- ปวดร้าว: อาการปวดที่ลามจากสะโพกลงไปที่ขา โดยเฉพาะด้านหลังของต้นขาและน่อง
- ปวดเพิ่มขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว: อาการปวดจะเพิ่มขึ้นเมื่อทำกิจกรรม เช่น การเดิน ขึ้นบันได หรือนั่งนานๆ
อาการรอง
- อ่อนแรง: อาจรู้สึกอ่อนแรงที่ขาหรือเท้า โดยเฉพาะเมื่อพยายามยกหรือเคลื่อนไหวขา
- ปวดเมื่อนั่งนาน: อาการปวดจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการนั่งในท่าเดียวเป็นเวลานาน และจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อยืนหรือเดิน
- ปวดเมื่อลุกขึ้นจากท่านั่ง: อาการปวดอาจเพิ่มขึ้นเมื่อลุกขึ้นจากท่านั่ง โดยเฉพาะหากเป็นการลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
- กล้ามเนื้อตึง: ความรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อสะโพกและต้นขา
อาการที่ควรพบแพทย์
- ปวดรุนแรงและต่อเนื่อง: อาการปวดที่รุนแรงและไม่หายไปหลังจากการพักผ่อนหรือการรักษาด้วยวิธีพื้นฐาน
- อ่อนแรงอย่างมาก: ความรู้สึกอ่อนแรงที่ขาหรือเท้าซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมประจำวัน
- การควบคุมการขับถ่าย: หากมีปัญหาในการควบคุมการขับถ่ายหรือการปัสสาวะ ควรรีบพบแพทย์ทันที
การดูแลตัวเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การยืดกล้ามเนื้อ
- การยืดกล้ามเนื้อ piriformis: ทำการยืดกล้ามเนื้อสะโพกโดยการทำท่ายืดต่าง ๆ เพื่อช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อ
- การยืดกล้ามเนื้อขาและหลังล่าง: ช่วยให้กล้ามเนื้อเหล่านี้มีความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
การออกกำลังกาย
- เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ: การออกกำลังกายที่เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสะโพก ขา และหลังล่าง จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการ
- การทำกิจกรรมที่มีความหลากหลาย: หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่มีการใช้กล้ามเนื้อสะโพกอย่างต่อเนื่อง ควรทำกิจกรรมที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงท่าทาง
การนั่งและยืน
- การปรับเปลี่ยนท่านั่ง: หลีกเลี่ยงการนั่งในท่าเดียวกันเป็นเวลานาน ควรลุกขึ้นเดินหรือเปลี่ยนท่านั่งทุกๆ 30-60 นาที
- การใช้เก้าอี้ที่มีการสนับสนุนที่ดี: เลือกใช้เก้าอี้ที่มีพนักพิงที่ดีและสามารถรองรับส่วนโค้งของหลังได้
การพักผ่อน
- การพักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้กล้ามเนื้อมีเวลาในการฟื้นฟูตัวเอง
- การหยุดพักระหว่างการทำงาน: หลีกเลี่ยงการทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรหยุดพักเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
การดูแลทั่วไป
- การหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ: ระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บที่สะโพกและขา เช่น การล้ม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยง
- การสวมรองเท้าที่เหมาะสม: การสวมรองเท้าที่มีการรองรับที่ดีและเหมาะสมกับกิจกรรม
การปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด Piriformis Syndrome และรักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อสะโพกและเส้นประสาทได้อย่างดี
: หากมีอาการปวดสะโพก ร้าวลงขา ชา หรืออ่อนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้อง
++จองคิวปรึกษาปัญหาข้อเข่า
ได้ที่ 𝐊𝐥𝐨𝐬𝐬 𝐖𝐞𝐥𝐥𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐂𝐥𝐢𝐧𝐢𝐜 ทั้ง 4 สาขา
สาขาเสรีไทย : 099-265-2495
สาขาเมืองทองธานี : 099-246-3691
สาขาลาดพร้าว: 092-426-2628
สาขาบางนา : 095-636-2326
LINE ID : @kimc289 (มี @)